DEI: เคล็ดลับความสำเร็จด้วยความแตกต่างอย่างเท่าเทียมและบูรณาการผสานรวม

Last updated: 30 มิ.ย. 2568  |  15 จำนวนผู้เข้าชม  | 

 DEI: เคล็ดลับความสำเร็จด้วยความแตกต่างอย่างเท่าเทียมและบูรณาการผสานรวม

        เมื่อโลกเปิดกว้างขึ้น ปฏิเสธไม่ได้เลยที่เราจะต้องมีโอกาสได้ร่วมงานกับผู้คนที่มีความแตกต่างหลากหลาย ไม่ว่าจะแตกต่างเรื่องเพศ สัญชาติ ศาสนา รสนิยมทางเพศ รวมไปถึงความคิดเห็นด้วยค่ะ ซึ่งการทำงานในองค์กรให้มีประสิทธิภาพเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่งที่เราต้องทำความเข้าใจเรื่องความแตกต่าง ความเท่าเทียม และการรวมเป็นหนึ่ง (Diversity, Equality and Inclusion: DE&I) ในองค์กรเพื่อทำให้ลดความขัดแย้ง เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และผลักดันองค์กรสู่ความสำเร็จค่ะ วันนี้ทีม Plusitives จะพาทุกท่านมาทำความเข้าใจว่า DE&I คืออะไร ทำไมมันถึงสำคัญต่อองค์กรในยุคปัจจุบัน และวิธีที่จะการโอบรับความแตกต่าง ส่งเสริมความเท่าเทียม และการรวมเข้าเป็นหนึ่งเดียวกันสู่เป้าหมายแห่งความสำเร็จไปพร้อม ๆ กันในบทความวันนี้ค่ะ

DE&I คืออะไร?
        DE&I เป็นแนวคิดที่ออกแบบมาเพื่อส่งเสริมให้บุคคลที่มีอาจมีภูมิหลังที่แตกต่างกันจะได้รับการยอมรับและบูรณาการหลอมรวมเข้ากับองค์กร วัฒนธรรม และสังคมการทำงานอย่างเป็นหนึ่งเดียว โดยคำนึงถึงหลักการ 3 ข้อได้แก่ ความหลากหลาย (Diversity), ความเท่าเทียม (Equity), และการรวมกันเป็นหนึ่งไม่แบ่งแยก (Inclusion) 

นิยามของ DE&I
        Diversity (ความหลากหลาย) หมายถึงการยอมรับความหลากหลายของผู้คนสังคมโลก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเพศ รสนิยมทางเพศ ภูมิหลังทางชาติพันธุ์ ศาสนา ฐานะทางเศรษฐกิจ แนวคิด มุมมอง ทัศนคติ ความสนใจ ฯลฯ ล้วนแล้วแต่เป็นมนุษย์ที่อยู่ร่วมโลก ร่วมสังคมเดียวกับเรา หากเปิดใจยอมรับ เห็นอกเห็นใจ และให้โอกาส สังคมก็จะอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขและพัฒนาต่อไปได้อย่างยั่งยืน

        Equity (ความเสมอภาค) หมายถึง การปฏิบัติต่อพนักงานด้วยความเท่าเทียม และสนับสนุนให้พนักงานเข้าถึงทรัพยากรได้อย่างเท่าเทียมเต็มที่ทุกคน ไม่ปิดกั้นโอกาส ไม่ว่าจะเป็นใครก็มีโอกาสเท่ากันในการประสบความสำเร็จ การเติบโตในหน้าที่การงาน และสิทธิในการออกเสียงต่าง ๆ อย่างเท่าเทียมกัน 

        Inclusion (การผนวกรวม) Inclusion มาจากคำว่า Include ซึ่งแปลว่า การรวมกัน หรือการผนวกรวมเข้าด้วยกัน นั่นหมายความว่า ไม่ว่าความแตกต่างใด ๆ ที่ถูกทำให้แปลกแยก ต่อจากนี้จะถูกผนวกรวมเข้ากับสิ่งเดิมที่มีจนกลายเป็นกลุ่มใหม่ที่รวมไว้ซึ่งความหลากหลาย พนักงานทุกคนซึ่งมีความแตกต่างได้รับการเคารพ ยอมรับ ถูกมองเห็นคุณค่า รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม และมีส่วนร่วมในการทำงานเหมือน ๆ กัน


เพราะเหตุใด DE&I จึงสำคัญ?
        ไม่ใช่เรื่องง่ายเมื่อชีวิตในการทำงานเราพบเจอหรือมีโอกาสได้ทำงานร่วมกับคนที่อาจมีความแตกต่างจากเราทั้งลักษณะทางกายภาพภายนอกและกระบวนการความคิดภายใน นอกจากวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ยังเผยให้เห็นอีกว่า คนเรามีสมองที่มีสติรับรู้ (Consciousness Mind) และสมองที่ไม่ใช้สติในการรับรู้ (Unconsciousness Mind) ถึงความสำคัญของความหลากหลายและการไม่แบ่งแยก ซึ่งเรามักใช้สมองประเภทหลังนี้จัดหมวดหมู่ข้อมูลที่ input เข้ามาอย่างรวดเร็ว (มากกว่า 11 ล้านบิตต่อวินาที) เพื่อหลีกเลี่ยงการคิดไตร่ตรองอย่างมีสติเพื่อประหยัดพลังงานของสมอง แน่นอนว่าสิ่งนี้ก็คือจุดเริ่มต้นของการเกิด ‘อคติโดยไม่รู้ตัว’ หรือที่เรียกว่า Unconscious Bias ที่อาจเกิดขึ้นโดยที่เราก็ไม่ได้ตั้งใจ ก่อให้เกิดทัศนคติแบบเหมารวมแบบ "us vs them" ที่ถูกฝังลึกและฝังแน่นผ่านวิวัฒนาการทางสมองตามธรรมชาติของเรา แต่ทุกท่านลองคิดตามสิคะว่าหากเราปล่อยสิ่งนี้เกิดขึ้นเรื้อรัง จะเกิดอะไรกับคนและองค์กรของเรา?

        แน่นอนค่ะว่าอคติก่อให้เกิดผลเสียที่มากมายเกิดกว่าที่เราจะจินตนาการ มันอาจนำไปสู่การไม่เปิดรับความแตกต่าง การเหยียดทางใดทางหนึ่ง การปฏิบัติต่อกันอย่างไม่ยุติธรรม หรือนำไปสู่การเพิกเฉยละเลยไม่ใส่ใจก่อให้เกิดความไม่เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันค่ะ จากการวิจัยโดย Jay Van Beval พบว่า เมื่อผู้คนรู้สึกว่าตัวตนของพวกเขาหายไปหรือไม่ถูกเห็นคุณค่า พวกเขาก็จะรู้สึกราวกับว่าพวกเขาไม่เป็นส่วนหนึ่งของทีมหรือองค์กร และพยายามแยกตัวเองออกไปและลดประสิทธิภาพในการทำงาน ซึ่งอาจสร้างความตึงเครียด การแข่งขัน ราวมีกำแพงมาขวางกัน เมื่อผู้คนรู้สึกแตกต่างจากสมาชิกกลุ่มคนอื่นๆ มากเกินไปค่ะ

        ดังนั้น องค์กรและผู้นำต้องให้ความสำคัญกับทั้งความหลากหลายด้านความสามารถ ประสบการณ์ และเอกลักษณ์ที่พนักงานแต่ละคนมี ปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเท่าเทียม และในขณะเดียวกันก็ควรสร้างความรู้สึกของการเป็นส่วนหนึ่งเพื่อสร้างพื้นที่ปลอดภัยในการทำงาน (Psychological Safety) สำหรับทุก ๆ คนให้มาทำงานอย่างมีความสุขและมีประสิทธิภาพในทุก ๆ วันนั่นเองค่ะ



องค์กรจะได้รับประโยชน์ใดจากการเสริมสร้าง DE&I
1. ความสามารถให้การเฟ้นหาบุคคลที่มีความสามารถเข้ามาทำงานในองค์กร

         เปิดโอกาสให้เข้าถึงคนทำงานที่มีความสามารถและหลากหลายไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ ระดับการศึกษา สัญชาติ และความคิดเห็น จากการสำรวจจาก Glassdoor พบว่าคนทำงานกว่า 67 เปอร์เซ็นต์คำนึงถึงความหลากหลายเมื่อพวกเข้าต้องสมัครงานเข้าไปในองค์กร ดังนั้น การจ้างบุคคลที่มีความหลากหลายมากขึ้นเป็นสิ่งสำคัญในการดึงดูดผู้สมัครที่มีคุณสมบัติและสนใจมากขึ้นค่ะ

2. เพิ่มประสิทธิภาพในการตัดสินใจ
         การพัฒนาฐานคนในองค์ให้มีความหลากหลายและเปิดโอกาสให้พวกเขาแสดงความคิดเห็นเมื่อมีคำถามเกิดขึ้น จะนำไปสู่การอภิปรายและการตัดสินใจที่ดีขึ้นซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อบริษัทในท้ายที่สุด ยิ่งมีความหลากหลาย ยิ่งเกิดมุมมองที่หลากหลาย อ้างอิงจากงานวิจัยของ Cloverpop พวกเขาพบว่าทีมที่มีความหลากหลายมีการตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพมากกว่าถึง 60 เปอร์เซ็นต์

3. ส่งเสริมประสิทธิภาพการทำงานและการค้นคว้าข้อมูลเชิงลึกและนวัตกรรม
        เพราะทีมที่มีความหลากหลายจัดการกับปัญหาจากมุมมองที่ต่างกัน การมีปฏิสัมพันธ์ของกลุ่มและความพยายามที่จะทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน จะทำให้เกิดการผสานปรับความคิดเห็นของทุกคนให้กลมกล่อมและสามารถนำไปสู่ผลิตภัณฑ์และการบริการที่เป็นนวัตกรรมใหม่ได้ โดยทั่วไปแล้วทีมงานที่มีความหลากหลายจะมีนวัตกรรมมากกว่าและคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงได้ดีกว่า อ้างอิงจาก Harvard Business Review ค้นพบว่า องค์กรที่มีความหลากหลายมากที่สุดไม่ว่าในแง่ของเพศ การศึกษา และอายุ เป็นองค์กรที่มีนวัตกรรมมากที่สุดเช่นกัน เมื่อวัดจากสัดส่วนรายได้ ทีมงานที่มีความหลากหลายสามารถระบุผลิตภัณฑ์และบริการที่ตรงกับความต้องการของโปรไฟล์ลูกค้าใหม่ได้ดียิ่งขึ้นค่ะ

4. เพิ่มการมีส่วนร่วมและความไว้วางใจของพนักงาน ลดอัตราการ Turnover
        เมื่อพนักงานรู้สึกว่าพวกเขามีคุณค่าและมีส่วนร่วมในองค์กร พวกเขาก็จะทุ่มเทให้กับองค์กรมากขึ้น และมีแนวโน้มที่จะมีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดีขึ้น สิ่งนี้มีผลต่อความสามารถในการทำกำไร ขวัญกำลังใจของทีม และการรักษาพนักงานไว้ด้วยค่ะ  นอกจากนี้การสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ไม่แบ่งแยก จะทำให้เกิดความไว้วางใจระหว่างพนักงานและผู้นำได้มากขึ้น นอกจากนี้ จากการวิจัยของ Deloitte ยังพบว่าพนักงานที่รู้สึกว่ามีส่วนร่วมและรู้ว่าผลงานของตนมีคุณค่าก็มีโอกาสน้อยที่จะออกจากที่ทำงาน ลดอัตราการ Turnover rate อีกด้วยค่ะ

5. ชื่อเสียงของบริษัทดีขึ้นและทรงอิทธิพลในวงกว้าง
        เมื่อองค์กรได้มีวัฒนธรรมที่ส่งเสริมความหลากหลายและการไม่แบ่งแยก องค์กรนั้นจะมีความน่าดึงดูดสำหรับกลุ่มประชากรในวงกว้าง องค์กรจำนวนไม่น้อยที่พยายามโปรโมทว่าตัวเองมีวัฒนธรรม DEI (Diversity, Equity & Inclusion) เพื่อสร้างการรับรู้ว่าบริษัทต้อนรับผู้คนหลากหลาย ปฏิบัติด้วยความเสมอภาค และเป็นธรรม ซึ่งเป็นภาพลักษณ์เชิงบวกในการเป็นบริษัทที่ดี มีการดูแลคนทำงานเป็นอย่างดี เพื่อมุ่งให้เกิดประสิทธิภาพการทำงาน รวมถึงการผลิตสินค้าและบริการมีคุณภาพค่ะ

6. ความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้น
        การวิจัยโดย McKinsey แสดงให้เห็นว่าบริษัทที่ส่งเสริมกลยุทธ์ความหลากหลายและการไม่แบ่งแยกมีแนวโน้มที่จะได้รับผลตอบแทนสูงกว่าค่าเฉลี่ยถึง 35% โดยที่ผลการดำเนินงานทางธุรกิจเพิ่มขึ้น 31% และจากการศึกษาของ Deloitte พบว่าองค์กรที่มีวัฒนธรรมที่ไม่แบ่งแยกมีแนวโน้มที่จะบรรลุหรือเกินเป้าหมายทางการเงินได้เป็นสองเท่าค่ะ

         โดยสรุปแล้ว โลกแห่งการทำงานยุคใหม่ เราจะมีโอกาสได้พบและทำงานกับคนที่มีความแตกต่างหลากหลายอยู่เสมอ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่มีความต้องการเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น องค์กรทุกองค์กรก็เช่นกัน ดังนั้น เราต้องพร้อมเปิดรับบุคลากรที่มีความแตกต่างหลากหลายเข้าทำงาน รวมไปถึงสร้างกลยุทธ์ที่ช่วยส่งเสริม DEI ในองค์กร ไม่ว่าจะเป็นการปฏิบัติต่อบุคลากรในองค์กรอย่างเท่าเทียม การสร้างบรรยากาศในการทำงานที่ให้โอกาสการมีส่วนร่วมของทุกคน (Team Engagement) และเป็นพื้นที่ปลอดภัยให้แก่กันและกัน บริษัทต้องรับฟังเสียงและความต้องการของพนักงาน หาสาเหตุของปัญหา และวางรูปแบบการแก้ปัญหาเพื่อตอบโจทย์ให้กับทุกคน เพื่อให้การงานดำเนินต่อไปได้ โดยไม่ทำให้เกิดการเลือกปฏิบัติต่อคนบางกลุ่ม ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของความขัดแย้งในหมู่พนักงาน แล้วจะส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงาน เพื่อทำให้องค์กรของเรามีศักยภาพ มีความได้เปรียบทางการแข่งขัน และสามารถประสบความสำเร็จ 


ขอขอบคุณข้อมูลจาก
https://culturalawareness.com/the-neuroscience-of-inclusion/
https://headheartbrain.com/resources/how-an-understanding-of-neuroscience-can-help-create-inclusion/
https://www.mckinsey.com/featured-insights/mckinsey-explainers/what-is-diversity-equity-and-inclusion
https://builtin.com/diversity-inclusion
https://www.achievers.com/blog/diversity-and-inclusion/
https://www.linkedin.com/pulse/importance-dei-john-shufeldt-md-jd-mba-facep

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้